วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมลงนายถวายพระพร

เชิญชวนทุกท่านร่วมลงนามถวายพระพร ได้ที่เว็บบอร์ดเลยนะครับ

วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เพาะปลวกเป็นอาหารไก่ดำ

สำหรับวันนี้ผมเริ่มลงมือทดองเพาะเลี้ยงปลวกเพื่อเป็นอาหารเสริมไก่ เดี่ยวอีก 7 วันนะครับ เรามาดูกันว่าปลวกจะเยอะแค่ไหนเดี๋ยวจะ

ถ่ายมาให้ดูครับ อีก 7 วันครับผม

วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การเพาะเลี้ยงปลวกเพื่อใช้เป็นอาหารไก่

ขั้นตอนง่ายๆไม่ได้ใช้ต้นทุนเข้าคอมเซ็ปพอเพียงเลยครับ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารไก่ด้วยครับผม

- ขุดหลุมกว้างประมาณ 1 เมตร ยาวประมาณ 1.50 เมตร ลึกประมาณ 25 เซนติเมตร

- ใช้ไม้ที่มีเปลือกแห้ง ตัดท่อนขนาดเหมาะสมสามารถวางในหลุมได้พอดี
นำไปวางไว้ในหลุมที่ขุดเตรียมไว้ให้เต็มประมาณ 3 ใน 4 ส่วนของหลุม

- นำมูลโค หรือ วัว หรือ ไก่ ถ้าเลี้ยงไก่ มูลไก่ก็ดีครับ และใบไม้แห้ง ผสมกันในอัตราส่วน 50/50 กลบกองไม้ให้เต็มปากหลุมรดน้ำให้เปียกทั่วทั้งหลุมแต่ไม่ต้องให้แฉะครับผม

- จากนั้นคลุมปิดปากหลุมด้วยกระสอบป่าน ทิ้งไว้ 10 ถึง 15 วัน เมื่อเปิดดูจะพบว่าปลวกอยู่เป็นจำนวนมาก

- จากนั้นก็นำปลวกมาเคาะใส่ภาชนะแล้วนำไปให้ไก่กินได้เลย

ข้อแนะนำ

- ควรเพาะเลี้ยงปลวกหลายๆหลุม ตามวงจร เพาะหลุมหนึ่งจะเก็บปลวกได้ทุก 15 วัน

- และเก็บต่อไปได้นานประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วจึงทำการเพาะเลี้ยงใหม่ตามวิธีเดิม

- เหมาะสำหรับเป็นอาหารไก่แล้วปลาครับ อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนเรื่องอาหารได้ด้วย

อย่าลืมลองไปทำดูนะครับ

วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การยืดอายุไข่ก่อนนำไปฟัก

สำรวจไข่ทุกใบถ้าใบไหนมีรอยร้าว บุบ เอาออกครับหลังจากนั้นทำความสะอาดกรณีไข่สกปรกห้ามใช้น้ำโดยเด็ดขาดถ้าจะใ้ช้จริงๆก็ได้แต่มีกรรมวิธีซับซ้อนเกินไปเอาเป็นว่าห้ามใช้เลยดีกว่าครับ ให้ใช้ฝอยขัดหม้อที่แห้งหรือกระดาษทรายละเอียดขัดเบาๆครับ เสร็จแล้วเอาเก็บในตู้เย็นวางชั้นที่ถัดจากช่องแช่ผักแต่ไม่ใช่ในช่องผัดนะครับ แล้วหาขันใส่น้ำวางไว้ข้างๆด้วยครับ ให้เอาไข่วางด้านแหลมลงวางบนแผนวางไขสะดวกที่สุดในระหว่างที่รอฟักอยู่นี้ไม่ควรเปิดตู้เย็นบ่อยเกินไปพายายามเปิดให้น้อยที่สุดหรือรีบเปิดรีบปิดครับและให้หมุนไข่ทุกวัน วันละ 1 ครั้ง หมุนทางซ้ายทางขวาก็ได้เมื่อเพร้อมจะฟักไข่แล้วเอาออกมาวางนอกตู้เย็น 10-12 ชม. หรืออย่างน้อย 6 ชม. ครับ ไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับไข่เลยวางไว้เฉยๆ เท่านั้นเมื่อได้เวลาแล้วค่อยเอาไปฟักครับรับรองยืดอายุของไข่มีเชื้อได้อีกมากถึง 18 วันถ้าอุณหภูมิในตู้เย็นไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
การจะประสบผลสำเร็จนั้นก็ต้องใช้ความอดทนและเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ผมก็เหมือนกันการเพาะเลี้ยงไก่ดำนี้จะต้องใช้เวลาเพื่อให้เห็นผลที่ชัดเจนว่าเราได้ทำจริงและได้ตั้งใจในการเพาะ้เลี้ยงไก่ดำ อยากให้เข้ามาติดตามกันอย่างนี้ตลอดไป

วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

จัดจำหน่ายไก่ดำทั้งปลีกและส่ง

สำหรับท่านใดที่สนใจอยากเลี้ยงไก่ดำนะครับ เลี้ยงไม่อยากครับเหมือนไก่บ้านทั่วไปนะครับ สามารถสั่งซื้อ ทางโทรศัพท์หรือโพสไว้

ในเว็บบอร์ดนะครับเพราะผมเข้ามาตรวจดูทุกวันครับ สนใจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บทความนะครับเพราะว่าลงไว้แล้วนะครับ

วีดีโอ ไก่ดำ

ส่วนนี้ครับเป็น วีดีโอ ครับ ผม ถ่ายมาให้ดูเล่นๆครับผม

ไก่ดำกินน้ำ ฮ่าๆ

วันนี้มาอัพเดตภาพน่ารักๆกับไก่ดำหิวน้ำกัน หุหุ
จำหน่ายไก่ดำ
จำหน่ายไก่ดำ
จำหน่ายไก่ดำ
จำหน่ายไก่ดำ

วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การสั่งซื้อไก่ดำและราคาไก่ดำ

บ้านฟาร์มน้องท็อป

จัดจำหน่ายไก่ดำ ให้ผู้สนใจเพาะเลี้ยงไก่ดำ

เลขที่บัญชี : 380-2-22074-9

ธนาคารกสิกรไทย สาขาป่าแดด

ชื่อ บัญชี : ธเนศ เป็งปัญญา

ใครที่สั่งซื้อแล้วโอนเงินมาตามเลขที่บัญชี นี้และโทรมาบอกนะครับทางเราจะจัดส่งไปให้ท่าน (โปรดอ่านรายละเอียดการสั่งซื้อก่อนสั่งซื้อ)

0835761863,0899501392 ท็อป Email:farmkaidum_nongtop@hotmail.com



ราคาไก่ดำแต่ละรุ่นมีดังนี้

ไข่ไก่ดำ ฟองละ 80 บาท สั่ง 10 ฟองขึ้นไปนะครับ ส่งไปรษณีย์ได้ครับ+ค่าส่ง 100 บาท
ลูกไก่ดำ อายุไม่เกิน 2 เดือนตัวละ 150 บาท
ไก่ดำรุ่น อายุตั้งแต่ 2 เดือนถึง 3 เดือน ตัวละ 200 บาท
ไก่ดำรุ่น อายุตั้งแต่ 3 เดือนถึง 4 เดือน ตัวละ 300 บาท
ไก่ดำรุ่น อายุตั้งแต่ 4 เดือนถึง 5 เดือน ตัวละ 400 บาท
ไก่ดำรุ่น อายุตั้งแต่ 5 เดือนถึง 6 เดือน ตัวละ 500 บาท
ไก่ดำ 6 เดือนขึ้นไป (พ่อแม่พันธุ์) ตัวละ 600 บาท

ต้องการรุ่นไหนสั่งจองระบุ อายุไก่ จำนวนกี่ตัว ราคาและระบุชื่อ-ที่อยู่ เบอร์โทรให้ชัดเจน
สั่งซื้อผ่านน้องท็อปเท่านั้นนะครับ หรือสั่งซื้อออนไลน์

สามารถส่งได้ทั่วประเทศ ค่าขนส่งแต่ละจังหวัด ตรวจสอบราคาได้ที่ น้องท็อป โทร 0835761863

โปรโมทเว็บ

ไก่ดำ บ้านฟาร์มน้องท็อป เพาะเลี้ยงไก่ดำเป็นอาชีพเพื่อจัดจำหน่ายในอนาคตให้ประชาชนทั่วไปได้บริโภค ไก่ที่เชื่อกันว่ามีสรรพคุณทางด้านบำรุงร่างกายด้วยการตุ๋นยาจีนที่คนจีนชอบ กัน อยากให้คนที่ยังไม่รู้จักไ้ด้รู้จักว่าไก่ดำเป็นอย่างไรจึงได้จัดทำเว็บไซต์ รวบรวมความรู้เกี่ยวกับไก่ดำมาเืพื่อให้ผู้สนใจได้ศึกษากัน ลองเข้าไปชมกันได้ที่ www.ไก่ดำ.co.cc หรือ www.ไก่ดำ.blogspot.com

ชี้แจง

มีปัญหาหรือข้อสงสัยสอบถามได้เลยนะครับ

ไก่ดำ

ไก่ดำถือว่าเป็นไก่ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จักและไม่ค่อยได้รับประทานดังนั้นผมจึงอยากจะเพาะเลี้ยงและจัดจำหน่ายให้คนที่สนใจอยากรับ

ประทานได้ซื้อไปลองรับประทานกันเพราะไก่ดำมีประโยชน์ต่อร่างกายที่คนจีนมักจะนำมาตุ๋นยาจีนกัน

รับสมัคร PJ

คุณสมบัติ
1. มีมนุษยสัมพันธ์ดี
2. ชาย/หญิง อายุ 15 ปีขึ้นไป (ต้องมีวุฒิภาวะมากพอ)
3. มีความรับผิดชอบ และ ตรงต่อเวลา ในช่วงที่ตัวเองรับผิดชอบ
4. เน็ตที่ใช้ต้อง มีความเร็วตั้งแต่ 1mb ขึ้นไป
5. มีเพลงทั้งเก่าและใหม่อยู่ในเครื่องมากพอสมควร
6. หากเพลงที่รีเควสมาไม่มีให้โหลด หากโหลดไม่ได้จริงๆค่อยเปิดเพลงอื่นแทน
7. ไม่เปิดเพลงตามใจตัวเอง แต่เปิดได้บางเวลา
8. ต้องใช้โปรแกรม Sam เป็น

สิ่ง ที่จะรับพิจรณาเป็นกรณีพิเศษ!!
1. มีไมค์และต้องใช้ไมค์พูดคุย ทักทายสมาชิกในช่วงเวลาจัดเพลง (หรือหาข่าวสาร และอื่นๆ มาเล่าหรือพูดคุย เป็นบ้างโอกาส)
2. มีประสบการณ์ในการจัดรายการมาก่อน จะรับเป็นกรณีพิเศษ
3. ใช้โปรแกรม Sam เป็น

อื่นๆ แอดมาสมัคร topfytiwza@hotmail.com หรือ เชียงรายฟอร์เวิร์ด www.chiangrai-forward.com

วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วัคซีนสำหรับไก่และสัตว์ปีก

< วิธีการใช้ ครั้งแรก ฉีดเมื่อเป็ดอายุ 3-4 สัปดาห์
ครั้งที่สอง ฉีดเมื่อเป็ดอายุ 10-12 สัปดาห์
ครั้งที่สาม ฉีดเมื่อเป็ดอายุ 6 เดือน หรือก่อนวางไข่และฉีดซ้ำทุก 6 เดือน
< ขนาดฉีด ตัวละ 0.5 มล. เข้ากล้ามเนื้อ
< ความคุ้มโรค เป็ดจะมีความคุ้มโรคหลังจากฉีดวัคซีน 2 สัปดาห์ และอยู่ได้นาน 6 เดือน
< ขนาดบรรจุ ขวดละ 200 โด๊ส พร้อมน้ำยาละลาย 100 มล.
< ราคา 0.40 บาท/โด๊ส (80 บาท/ขวด)
ยาไก่บ้านฟาร์มน้องท็อป

< วิธีการใช้ ไก่กระทง : ครั้งแรก อายุ 7-10 วัน
: ครั้ง 2 อายุ 3-4 สัปดาห์
ไก่ไข่ : สองครั้งแรกเหมือนไก่กระทง
: ครั้งที่ 3 อายุ 6-8 สัปดาห์และซ้ำทุก 2 เดือน
< ขนาดใช้

- หยอดตาหรือจมูก ตัวละ 1 หยด
- ยังมีอีกหลายวิธีอ่านรายละเอียดในคู่มือการใช้วัคซีน
< ความคุ้มโรค ไก่จะมีภูมิคุ้มโรคภายหลังได้รับวัคซีน 8 วันและอยู่ได้นาน 3 เดือน
< ขนาดบรรจุ ขวดละ 100 โด๊ส พร้อมน้ำยาละลาย 5 มล.
< ราคา 0.07 บาท/โด๊ส (7 บาท/ขวด)
ยาไก่บ้านฟาร์มน้องท็อป


< วิธีการใช้ ใช้วัคซีนในไก่อายุระหว่าง 2-5 สัปดาห์
< ขนาดฉีด แทงที่พังผืดของปีก ตัวละ 1 ครั้ง
< ความคุ้มโรค ไก่จะมีความคุ้มโรคภายหลังได้รับวัคซีน 2 สัปดาห์
< ขนาดบรรจุ ขวดละ 200 โด๊ส พร้อมน้ำยาละลาย 5 มล.
< ราคา 0.07 บาท/โด๊ส (14 บาท/ขวด)



< วิธีการใช้ ไก่กระทง : ครั้งแรก อายุ 5-7 วัน
: ครั้งที่ 2 อายุ 2-3 สัปดาห์
ไก่ไข่ : สองครั้งแรกเหมือนไก่กระทง
: ครั้งที่ 3 อายุ 6-8 สัปดาห์ ซ้ำทุก 3 เดือน
< ขนาดใช้ หยอดตาหรือจมูก ตัวละ 2 หยด
< ความคุ้มโรค ไก่จะมีความคุ้มโรคภายหลังได้รับวัคซีน 3 สัปดาห์ และอยู่ได้นาน 3 เดือน
< ขนาดบรรจุ ขวดละ 100 โด๊ส พร้อมน้ำยาละลาย 5 มล.
< ราคา 0.07 บาท/โด๊ส (7 บาท/ขวด)
ยาไก่บ้านฟาร์มน้องท็อป
< วิธีการใช้ ครั้งแรกอายุ 8 สัปดาห์
ครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งแรก 3 สัปดาห์และซ้ำทุก 3 เดือน
< ขนาดฉีด เป็ด และไก่พื้นเมือง ตัวละ 1 มล. เข้ากล้ามเนื้อ หรือใต้ผิวหนัง
< ความคุ้มโรค สัตว์จะมีความคุ้มโรคหลังจากฉีดวัคซีน 2 สัปดาห์ และอยู่ได้นาน 3 เดือน
< ขนาดบรรจุ ขวดละ 100 มล. (100 โด๊ส)
< ราคา 0.25 บาท/โด๊ส (25 บาท/ขวด)
ยาไก่บ้านฟาร์มน้องท็อป

เมนูเด็ด ซุปไก่ดำตุ๋นยาจีน

1.ตังกุยเซิน 2.ฟู่เฉิน


ไก่ดำตุ๋นยาจีน


3.กันเฉ่า 4.เฮเจ่า


ไก่ดำตุ๋นยาจีน




5.หวงชี๋ 6.ชวงซ๋ง


ไก่ดำตุ๋นยาจีน


7.หวงจิง 8.ตั่งเชิน


ไก่ดำตุ๋นยาจีน



9.ฉู๋ตี้ 10.ตังกุย


ไก่ดำตุ๋นยาจีน


11.เก๋ากี่ 12.ขอติดไว้ก่อน อิอิ เดี๋ยวจะมาบอกว่ายาตัวนี้ชื่ออะไร และให้ประโยนช์อะไรต้องไปถามร้านยาจีนครับ






สรรพคุณยาที่ได้เรารับ แต่ละอย่างๆนะครับ

1.ตังกุยเซิน มีสรรพคุณ ทำให้ประจำเดือนมาปกติ รักษาอาการปวดท้องประจำเดือน รักษาโรคเก๊า ป้องกันความเสี่ยงจากการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และช่วยสตรีวัยทองให้ฮอร์โมนคงที่ บำรุงเลือดลมหมุนเวียนได้ดี

2.ฟู่เฉิน มีสรรพคุณ บำรุงตับ และ บำรุงหัวใจ

3.กันเฉ่า มีสรรพคุณ แก้ไอ รักษาอาการโรคหลอดลมอักเสบ รักษาโรคเก้าท์ แก้ผิวอักเสบและติดเชื้อ แก้ปัญหาท้องผูก ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง

4.เฮเจ่า มีสรรพคุณ จะช่วยให้เลือดลมหมุนเวียนได้ดี แก้ท้องผูก แก้อาการเบื่ออาหาร

5.หวงชี๋ มีสรรพคุณ แก้หวัด รักษาโรคหอบหืด และทำให้สุขภาพแข็งแรง ช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง บำรุงตับ

6.ชวงซ๋ง มีสรรพคุณ ทำให้ประจำเดือนมาปกติ รักษาอาการปวดท้องประจำเดือน แก้ปัญหาอาการปวดหัว รักษาอาการปัสวะอักเสบ

7.หวงจิง มีสรรพคุณ แก้อาการเบื่ออาหาร รักษาอาการเหนื่อยง่าย รักาอาการปากแห้ง บำรุงปอด รักษาอาการไอแห้ง รักษาอาการปวดหลัง รักษาอาการเวียนหัว

8.ตั่งเชิน มีสรรพคุณ แก้หวัด รักษาโรคหอบหืด ป้องกันโรคมะเร็ง รักษาอาการท้องเสีย ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น ป้องกันและรักษาโรค ความดันโลหิตสูง

9.ฉู๋ตี้ มีสรรพคุณ ช่วยให้เลือดลมหมุนเวียนได้ดี รักษาผู้ป่วยที่เป็นวัณโรค แก้อาเจียนเป็นเลือด รักษาอาการเลือดกำเดาไหล แก้มดลูกมีเลือด
**ผลข้างเคียงกินเยอะไม่ดี มีอาการเจ็บท้อง เวียนหัว ไม่มีแรง**

10.ตังกุย มีสรรพคุณ ช่วยรักษาฮอร์โมนให้อยู่ในระดับที่สมดุล และช่วยสตรีวัยทองให้ฮอร์โมนคงที่ ช่วยเรื่องการรักษาไมเกรน รักษาโรคตะคริว ควบคุมและรักษาอารมณ์แปรปรวน ผู้หญิงที่พึ่งคลอดลูกรับประทานดีที่สุดแผลแห้งหายไว แก้เจ็บคอ รักษาและป้องกัน โรคความดันโลหิต ช่วยบำรุงหัวใจ และแก้โรคหัวใจ

11.เก๋ากี่ มีสรรพคุณ บำรุงสายตา บำรุงตับ ช่วยบำรุงตัวเชื้อของผู้ชายให้แข็งแรง

12.ติดไว้ก่อน


ส่วนผสม

-ไก่ดำ 1ตัว ไม่เอาหัวและเครื่องในและตูด

-น้ำร้อน 2ถ้วย ครึ่ง

-เกลือ 1/2 ชช.

-หม้อ double boiler


-ไก่ดำ1ตัว หั่นส่วนปีก ส่วนน่อง ส่วนอก แล้วล้างผ่านน้ำร้อนให้กลิ่นคาวของไก่ออก แล้วเอาส่วนเครื่องในออกให้หมด แล้วล้างน้ำเปล่าอีกที


ไก่ดำตุ๋นยาจีน


-เอาน้ำร้อน2ถ้วยครึ่งใส่ใน หม้อdouble boiler


ไก่ดำตุ๋นยาจีน


-ล้างเครื่องยาจีนผ่านน้ำซักหน่อยเพื่อป้องกันรา และฝุ่นสิ่งสกปรกที่ตกค้าง และต้มน้ำจนเดือดแล้วเราจะเอาไปตุ๋นกันแล้วครับ


ไก่ดำตุ๋นยาจีน

-แล้วเอาหม้อที่เราใส่น้ำร้อนเมื่อกี้เอายาใส่ก่อน แล้วตามด้วยไก่ทับตัวยา ไม่ต้องตกใจว่าน้ำแห้ง เดี๋ยวน้ำของตัวยาและตัวไก่ก็จะซึมออกมาเองครับ


ไก่ดำตุ๋นยาจีน


-แล้วปิดฝาตุ๋นไว้ 2ช.ม หมั่นคอยดูน้ำที่ต้มข้างล่าง นุชเติมไปอยู่3ครั้งด้วยกันเพราะน้ำแห้ง (ไม่เกี่ยวกับหม้อที่ต้มยานะครับหม้อต้มยาไม่ต้องเติมน้ำนะครับ)ครบ2ชั่วโมงแล้ว ก็ปรุงรสด้วยเกลือนิดหน่อยแต่สำหรับท่านที่ไม่ชอบหวานก้ไม่ต้องเติมเกลือจะออกรสขมๆหวานๆของตัวยาครับ ก็รับประทานได้แล้วทานตอนร้อนๆอร่อยมาก หม้อนี้รับประทานได้ 3ครั้ง แนะนำให้รับประทานก่อนนอนที่เหลือเก็บไว้ในตู้เย็น แล้วอีกวันค่อยอุ่นรับประทานน้ำซุปอีกทีจ้า


ไก่ดำตุ๋นยาจีน

ไก่ดำตุ๋นยาจีน

โรคที่ควรรู้ในไก่และการป้องกัน

โรคของไก่กับการป้องกัน

อย่าลืมว่าไก่ทั้งหลายนั้นมีโรคติดต่อที่ร้ายแรงมาก เกิดระบาดขึ้นมาเมื่อไรแล้วไก่ก็จะติดเชื้อ เกิดการเจ็บป่วยอย่างรุนแรง ระบาดไปทั่วบริเวณใกล้เคียงและอาจระบาด ไปได้ไกลๆ ข้ามจังหวัดก็ได้ เพราะคนเราติดเชื้อแล้วเดินทางไปไหนมาไหนกันอยู่แล้ว จึงพาเอาเชื้อโรคระบาดของไก่นี้ไปด้วย เที่ยวไปปล่อยเอาไว้ที่นั้นที่นี่ได้โดยง่าย

โรค นิวคาสเซิล

ถ้าเป็นโรคของไก่แล้วละก็โรค นิวคาสเซิล เป็นโรคที่ร้ายแรงมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นไก่บ้าน หรือไก่พื้นเมือง หรือไก่แจ้
อาการของโรค เมื่อไก่ได้รับเชื้อเข้าไปแล้ว ไม่ช้า ไม่นานก็เริ่มออกอาการ เงื่องหงอย เหงา ซึม ยืนนิ่งเฉย ปีกตกลู่ลงมา หงอน เหนียงก็ซีดเซียว จากนั้นก็เป็นสีคล้ำ ผิดปกติ เวลาขี้ออกมาจะเห็นได้ทันทีว่าเป็นสีเขียวๆ ชาวบ้านเรียกว่า โรคขี้เขียว หากไก่เกิดมีอาการขี้เขียวขึ้นมาเมื่อไรก็หมายความว่าเกิดโรคร้ายแรงมากขึ้นแล้ว เพราะโรคขี้เขียว นี้ไม่ปราณีชีวิตไก่ตัวไหนเลย
ไก่ที่เป็นโรคนี้ บางตัวนั้นจะมีอาการหัวตกลงเบื้องล่าง โงหัวไม่ขึ้นเลยหรือบางทีแหงนคอแล้วบิดมาทางเบื้องหลังก็ได้ โรคนิวคาสเซิล นี้จำเป็นจะต้องมีการป้องกัน เอาไว้ก่อนเท่านั้น หากเกิดเป็นขึ้นมาก็หมายความว่าจะต้องทำให้ไก่ล้มตายขึ้นเท่านั้น ป้องกันเอาไว้ก่อนที่ไก่จะแสดงอาการออกมา ป้องกันด้วยวัคซีนเท่านั้น ไม่มียาอะไรมารักษาไก่ที่เจ็บป่วยให้ฟื้นคืนดีขึ้นมาได้เลย ต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคเอาไว้ก่อน ให้วัคซีนไก่ตั้งแต่เป็นลูกไก่ ก่อนที่จะเอามาเลี้ยงให้เจริญเติบโตเป็นไก่ใหญ่ หากเกิดเลี้ยงลูกไก่ที่เจ็บออดๆ แอดๆ มองดูเซื่องซึม หงอยเหงาเอาไว้ ก็จะต้องเสี่ยงต่อการเลี้ยงลูกไก่ขี้โรคเอาไว้เพื่อทำให้ลูกไก่อื่นๆ ที่เลี้ยงรวมกันอยู่เกิดมีอันเป็นไป ด้วยกัน อาจจะเกิดโรค นิวคาสเซิล ขึ้นมาก็ได้ เพราะลูกไก่ที่ผิดปกติ สุขภาพไม่ดี เงื่องหงอยนั้นแหละที่จะนำเชื้อโรคดังกล่าวมาติดต่อกับลูกไก่ตัวอื่นๆ อย่าเอามาเลี้ยง รวมกับลูกไก่ที่มีสุขภาพดีเป็นอันขาด ให้แยกออกไปห่างๆ เอาไปทำลายเสียก่อนที่โรคระบาดจะเข้ามา เป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลม ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อเอาลูกไก่มาเลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นไก่อะไรก็ตาม จะต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคเสียก่อนทุกๆตัวทีเดียว

โรค อหิวาต์ไก่

นับว่าเป็นโรคระบาดที่ร้ายแรงอีกโรคหนึ่ง เพราะสามารถสร้างความหายนะให้แก่ไก่ที่เลี้ยงได้มากมายเช่นกัน
อาการของโรค โดยมากมักจะไม่แสดงอาการอะไรออกมา แล้วลุกเงียบ ไก่จะเฉยๆไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเลย อาการเช่นนี้สำคัญมาก เพราะเป็นโรคที่มาเงียบๆ ไก่จะเกิดล้มตายทันทีเมื่อเกิดมีอาการมาก ได้รับเชื้อเข้ามามากจะไม่เหลือเลย
หากอาการของไก่ที่เจ็บป่วยไม่มีอาการรุนแรงนักจะเห็นได้ว่าไก่ที่เลี้ยงเอาไว้จะมีอาการเงื่องหงอยผิดปกติ ซึม ปีกตก หางตก หงอนเหนียงซีดลงอย่างเห็นได้ชัด คอไก่จะพับไปทางเบื้องหลังอย่างประหลาด ไก่จะขี้ออกมาเป็นสีขาวๆ ไก่ไม่กินอาหารเลย ไม่อยากกินเพราะอาการของโรคที่เกิดขึ้น บางตัวอาจจะส่งเสียงหายใจ ออกมาดังครอกๆในลำคอก็ได้เวลานอนบนคอน สังเกตให้ดีคือ ขี้ขาว ผิดธรรมดา
วิธีการป้องกันโรคนี้ก็ด้วยการฉีดวัคซีน ฉีดเมื่อไก่อายุได้ 3 เดือน ฉีดให้ไก่ที่เลี้ยงทุกตัว

โรคฝีดาษไก่

ไก่ก็เป็นโรค ฝีดาษไก่ ได้ซึ่งจะต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคเช่นเดียวกัน ปล่อยปละละเลยไม่ได้เป็นอันขาด มิฉะนั้น เมื่อไก่เกิดเจ็บป่วยขึ้นจะลำบาก เพราะเชื้อโรคจะระบาด ไปกันใหญ่ ป้องกันเอาไว้ดีกว่าแก้ไข ซึ้งทางแก้ไขไม่มีเอาเลย มีแต่ป้องกันไม่ให้เกิดโรคด้วยการให้วัคซีนแก่ไก่เมื่อยังเล็กๆอยู่เท่านั้น
โรคไก่ก็มีอีกได้แก่โรคพยาธิ
เพราะไก่นั้นคุ้ยเขี่ยอาหารไปตามที่ต่างๆ หรือกินอาหารที่อาจจะมีไข่พยาธิปนเปื้อนสะสมอยู่ ไก่จึงเกิดมีพยาธิขึ้น จะต้องใช้ยาถ่ายออกมาอย่างถูกต้อง และระวัง การติดต่อกันกับไก่ตัวอื่นๆ ปฏิบัติให้ดีที่สุด ระวังเรื่องการติดต่อของโรคให้มากเพื่อความไม่ประมาท อย่าให้ผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเข้าไปในเล้าไก่ หรือในบริเวณที่เลี้ยงไก่ เด็ดขาด เพราะอาจจะนำเชื้อโรคบางอย่างเข้าไปทำให้ไก่เจ็บป่วยได้อย่างนึกไม่ถึง รองเท้าที่สวมใส่ก็เป็นสิ่งสำคัญมากห้ามบุคคลภายนอกเดินไปในเล้าไก่ และบริเวณ ที่เลี้ยงไก่เด็ดขาด หากต้องการจะเข้าไปจะต้องเปลี่ยนรองเท้าที่ใช้ เปลี่ยนเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มที่จัดให้ใหม่ โดยเฉพาะการเลี้ยงไก่เป็นจำนวนมากๆ ในฟาร์มใหญ่ๆทั่วไป ไม่จำเป็นแล้วจะเข้าไปไม่ได้
ภูมิคุ้มกันในไก่
ในการให้ภูมิคุ้มกันโรคในไก่นี้จำเป็นจะต้องใช้วัคซีน เช่นเดียวกับคนเราเช่นเดียวกัน
ไก่ที่ดี สุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง ก็จะต้องมีความต้านทานโรคดี ไม่เจ็บป่วยง่ายๆ
ระบบการป้องกันของไก่นั้นมาจากอวัยวะ หรือต่อมที่สำคัญ 2 พวก
- ระบบที่มาจากต่อมเบอร์ซ่า ฟาบริเซียส
- ระบบที่มาจากต่อมธัยมัส
ระบบดังกล่าว หากระบบใด ระบบหนึ่งเกิดสูญเสียไปแล้ว ก็จะทำให้ระบบการคุ้มกันโรคหรือความต้านทานของโรคในไก่ไม่ดีไปด้วย สุขภาพจะเสียไป บางทีก็เกิดโรค ขึ้นได้โดยง่าย แทนที่จะไม่เป็นอะไรเลยก็เกิดเป็นโรคขึ้นมาจนได้
บางทีไก่เกิดไปอยู่ในสถานที่เปียกแฉะ โอกาสเจ็บป่วยก็จะเกิดขึ้นได้ง่าย อาจจะเป็นบิดขึ้นมาก็ได้ แม้ว่าในอาหารของไก่จะมียาป้องกันเชื้อโรคบิดอยู่แล้วก็ตาม แต่ยาก็ป้องกันเป็นบิดได้ ในกรณีที่ไม่มีเชื้อบิดมากเกินขนาดเท่านั้น ไม่ใช่ป้องกันได้เต็ม 100 % โอกาสที่ไก่จะเกิดป่วยเป็นโรคนี้ก็มีอยู่ วัคซีนนั้นนอกจากจะช่วยให้ไก่รู้จักกับระบบความคุ้มกันโรคได้ดีแล้ว ยังช่วยป้องกันการแพร่กระจายของโรคไปยังสถานที่อื่นๆอีกด้วย เช่นจากเล้านี้ต่อเนื่องไปสู่เล้าโน้น และเรื่อยๆไป ไม่มีที่สิ้นสุด ป้องกันไม่ให้เกิดการเพาะเชื้อให้เกิดขึ้นในเล้าไก่มากยิ่งขึ้น อีกทั้งช่วยถ่ายทอดภูมิคุ้มกันจากไก่ทางไข่แดงได้ดีมาก ในการให้วัคซีนไก่นั้นเป็นการช่วยป้องกันโรคหลายๆอย่างที่มักจะสร้างความเสียหายให้กับลูกไก่อายุน้อยๆ ไม่ถึง 3 สัปดาห์ได้มากมาย อีกประการหนึ่ง หากไก่เกิดเป็น โรคขึ้นในระหว่างไข่ ปริมาณของไข่ไก่ก็จะลดลง เพราะแม่ไก่สุขภาพไม่ดีพอ วัคซีนที่ฉีดป้องกันโรคไก่ ทำให้ไก่เกิดมีภูมิคุ้มกัน ช่วยทำให้ไก่ที่เลี้ยงมีสุขภาพดีที่เป็นปกติ ไม่เป็นโรคอะไรได้ง่ายๆ
ระวังอย่าให้ไก่ถูกพิษ แอฟฟล่า
สารแอฟฟล่านั้นเป็นสารพิษที่ร้ายแรงนัก หรือที่เรียกรวมกันว่า แอฟฟล่าท็อกซิน เป็นสารที่เกิดจากเชื้อราหลายชนิด สามารถเจริญเติบโตได้ดีมากในผลิตผลทาง การเกษตรที่นำเอามาเป็นอาหารของคนและสัตว์ ดังที่ได้พบเห็นกันมาแล้ว และมีการพูดกันมาว่า สารพิษแอฟฟล่านี้จะมีอยู่ใน ถั่วลิสงเมล็ดแห้ง ในถั่วลิสงที่คั่วบด หรือป่นละเอียด ป่นหยาบๆ เมื่อเก็บเอาไว้นานๆ เชื้อราแอฟฟล่านี้ก็เจริญงอกงามขึ้นมาได้ในถั่วลิสง ซึ่งเราอาจมองไม่เห็น ในเมื่อเชื้อราที่เป็นสารพิษนี้แอบแฝงอยู่ นอกจากนี้ในถั่วเหลือง ในเมล็ดข้าวโพด หัวหอม หัวกระเทียม พริกขี้หนูแห้ง พริกแห้งเม็ดใหญ่ พริกชี้ฟ้าแห้ง หรือในปลาแห้ง ปลาป่น ปลาเค็ม ปลากรอบ เครื่องเทศ ทั้งหลายมักมีสารพิษนี้อยู่โดยทั่วไป มากบ้าง น้อยบ้างตามสภาพความเก่าเก็บและความชื้นมากน้อยที่มีอยู่ อาการที่ไก่ได้รับสารพิษแอฟฟล่าเข้าไปมากๆ ไก่จะแสดงอาการให้เห็นได้ชัดเจนมากคือ เริ่มแรกๆไก่จะมีการจิกที่ก้นกันอยู่เสมอๆจิกกันไปจิกกันมา ตามจิกกันอยู่เสมอ น่ารำคาญ จากนั้นก็จะเริ่มมีอาการเศร้า ซึม หงอยเหงา ไม่ค่อยจะกินอาหารดังปกติ ปีกตก หน้าซีดเซียว สังเกตได้ชัดเจนมาก เส้นขนก็ยุ่งเหยิง มองดูไม่สมบูรณ์ตาม ปกติ เติบโตช้า หากพบว่าไก่ได้รับสารพิษนี้เข้าไปแน่นอน ก่อนอื่นต้องเอาอาหารซึ่งมีอยู่ที่ให้ไก่กินแล้วเกิดเรื่องนี้ ให้ทำลายเสียทันที แล้วเอาอาหารชุดใหม่มาให้แทน อย่าให้อาหารเก่านั้นอีก เพื่อไก่ที่เลี้ยงจะได้หายป่วยจากสารแอฟฟล่าที่เกิดมาจากเชื้อรานี้ ไก่ก็จะเจริญเติบโตได้ดีเป็นปกติ กินอาหารได้มาก ร่าเริงสดชื่น เป็นปกติ

โรคบิด

โรคบิด ที่เกิดกับไก่นั้นรุนแรงนัก สามารถทำให้ไก่ ล้มตายได้อย่างที่เรียกว่า ตายเป็นเบือ ความจริงแล้วโรคบิดที่เกิดขึ้นกับไก่นี้ก็เหมือนๆกับโรคพยาธิลำไส้ทั่วไป แต่โรคบิดของไก่นี้จะทำให้ไก่กินอาหารได้น้อยลง กินน้ำมากขึ้นจนเกิดอาการผิดปกติในร่างกาย ไก่จะมีอาการ หงอยเหงา ซึม ถ่ายอุจจาระแบบอาการท้องร่วง ปีกก็ตกลงด้วย เวลาถ่ายก็มีเลือดปนออกมา ซึ่งอาจจะเป็นสีแดง สีแดงเข้ม หรือสีน้ำตาลก็ได้ มีอาการ บิดไส้ตันจนอักเสบ เลือดไหลออกมาเป็นสีคล้ำ ไก่อาจจะมีอาการมาก จะตายมากหรือตายน้อยก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคที่เกิดขึ้น ในการที่จะวิจัยว่าไก่เป็นโรคบิดหรือไม่นั้นมีหลักการพิจารณาอยู่ 3 ประการ คือ
1. ไก่มีอาการแสดงว่าเกิดป่วยขึ้นมาแล้ว มี อาการท้องร่วง ถ่ายอุจจาระแบบท้องร่วง
2. อาจจะมีไก่บางตัวเกิดอาการหนักจนตาย เอามาผ่าซากไก่ดูร่องรอยของโรคที่ลำไส้ หรือที่ไส้ตันก็จะทราบดี
3. เอาอุจจาระของไก่มาตรวจดู หรือขูดเอาเยื่อเมือกของลำไส้ หรือเอาไส้ตันของไก่ที่ป่วย มาตรวจดู
การป้องกันโรคบิดในไก่ที่ดีที่สุดมีวิธีปฏิบัติอยู่ 2 วิธีด้วยกัน
วิธีแรก เป็นการใช้วัคซีน
วิธีต่อมา ก็เป็นการเอายาผสมลงไปในอาหารให้ไก่กิน วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด ได้ผลดีมากด้วย เนื่องจากมียาชนิดที่ใช้ทำลายเชื้อได้ดี ก็ได้แก่ยาจำพวก เค็กคอก คอยเคน และ ไซโคสเต็ด แล้วก็มียาชนิดอ่อนที่ใช้ป้องกันอีก คือ แอมโปรล พลัส คอแบน และ อาวาเท็ก ซึ่งจะไม่ทำลายเชื้อหมด แต่จะเหลือไว้จำนวนหนึ่งในปริมาณมากพอที่จะ
กระตุ้นให้ไก่สร้างภูมิคุ้มกันโรคไก่ได้
การใช้ยาป้องกันโรคบิด ก็ต้องมีปัจจัยหลายอย่างที่จะต้องพิจารณาถึงข้อดีกันอย่างถี่ถ้วนก่อน เพื่อความแน่นอน เพื่อความถูกต้อง เนื่องจากว่าการให้ไก่กินยา ป้องกันโรคนี้ จะต้องให้ไก่กินโดยตลอดเวลาด้วย ในระยะเวลาที่เลี้ยงไก่ 7-8 สัปดาห์ นอกจากนี้แล้วก็สมควรเป็นยาที่ไม่ผิดสำแดง เมื่อใช้รวมกับยาอื่นๆ แล้วก็จะต้องมีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมป้องกันไม่ให้เกิดโรคบิดอีกด้วย

การป้องกันและรักษาโรคไก่

วิธีป้องกันและควบคุมโรคและพยาธิ วิธีที่ดีที่สุดคือ
* การสุขาภิบาลที่ดี *
การให้วัคซีนป้องกันโรค โดยสม่ำเสมอ การสุขาภิบาล เป็นสิ่งสำคัญมากในการป้องกันโรคและพยาธิไก่
เพราะถ้าการสุขาภิบาลไม่ดีจะเป็นสาเหตุให้ไก่สุขภาพเลวลง ไม่แข็งแรงเป็นโรคต่าง ๆ ได้ง่าย ข้อแนะนำมีดังนี้
1.ควรดูแลทำความสะอาดเล้าและภาชนะต่างๆที่วางไว้ในเล้าไก่และบริเวณใกล้เคียงด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค และอย่าปล่อยให้เล้าชื้นแฉะ เพราะจะเป็นที่หมักหมมของเชื้อโรค
2. สร้างเล้าให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
3. กำจัดแหล่งน้ำสกปรกรอบ ๆ บริเวณบ้าน เล้าไก่ และใกล้เคียง
4. อาหารไก่ต้องมีคุณภาพดี อาหารที่กินไม่หมดให้ทิ้ง อย่าปล่อยให้เน่าเสีย
5. มีน้ำสะอาดให้ไก่กินตลอดเวลา
6. ถ้ามีไก่ป่วยไม่มากนัก ควรกำจัดเสีย และจัดการเผาหรือฝังให้เรียบร้อยจะช่วยกำจัดโรคได้เป็นอย่างดี
7. อย่าทิ้งซากไก่ลงแหล่งน้ำเป็นอันขาด เพราะเชื้อโรคจะแพร่กระจายไปได้
8. กำจัดซากไก่โดยวิธีเผาหรือฝัง ไม่ควรนำไปจำหน่าย เพราะจะทำให้เกิดโรคแพร่ระบาดได้
9. วิธีป้องกันโรคอีกอย่างหนึ่งก็คือเราไม่ควรซื้อไก่สดจากตลาดหรือหมู่บ้านอื่นมากิน เพราะไก่พวกนี้อาจเป็นโรคมาแล้วก็ได้
10. เมื่อมีโรคระบาดเกิดขี้น เจ้าของไก่ควรติดต่อหารือกับสัตวแพทย์โดยเร็ว
การใช้วัคซีนป้องกันโรคระบาดไก่ ถึงแม้ว่าเราจะได้มีการสุขาภิบาลที่ดีแล้ว
แต่โดยปกติในสิ่งแวดล้อมจะมีเชื้อโรคอยู่ ซึ่งสามารถทำให้ไก่เป็นโรคได้ทุกเวลา เราจึงต้องสร้างความต้านทานโรคให้กับไก่ของเรา โดยการใช้วัคซีนป้องกันโรค ควรให้ตั้งแต่อายุน้อยๆ และทำตามตารางที่กำหนดอย่างสม่ำเสมอ เป็นวิธีการป้องกันโรคที่เสียค่าใช้จ่ายน้อย และได้ผลค่อนข้างดี

วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ไก่ดำ

"ไก่ดำ" ไม่เหมือนไก่ธรรมดา ใช้ชีวิตคล้ายนก มีนิสัยดุร้าย ไก่ดำพันธุ์ดั้งเดิมอยู่แถบเหนือของมองโกเลียในประเทศจีน กินเกสรดอกไม้ แมลงต่าง ๆ และยอดอ่อนของต้นไม้ใบหญ้าบนภูเขาเป็นอาหาร ชอบอยู่ในถิ่นที่อากาศหนาวเย็น ว่ากันว่ายิ่งอากาศหนาวเย็นเท่าไร สีเนื้อและผิวของไก่ดำจะดำยิ่งขึ้น

วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ไก่ดำบ้านฟาร์มน้องท็อป


ตอนนี้เราก้อได้ไก่ดำยูนานจากเชียงใหม่มาเพาะพันธ์แล้วพึ่งได้มาหมาดๆเลยมาอัพเดทให้ทุกท่านได้ดูกัน

การเดินทางไปเชียงใหม่

เช้าวันที่ 13 พย 2553 เริ่มออกเดินทางจากบ้าน 8.00 น. เติมน้ำมันที่แม่สรวย 8.30 น. แล้วไปกราบพระที่วัดแสงแก้วโพธิญาณ อ.แม่สรวย แล้วออกเดินทางมุ่งหน้าไปเชียงใหม่ถึงเชียงใหม่ประมาณ 12.00 น. พักรับประทานอาหารที่บ้านน้าแล้วมุ่งหน้าไปฟาร์มไก่ดำที่จะไปซื้อมาเพาะพันธ์ถึงที่หมาย 14.00 น. ได้ไก่ดำพันธ์ยูนนานตามที่ต้องการแล้วก็เดินทางกลับเชียงรายเวลา 15.00 น. กลับมาถึงเชียงราย 18.00 น.ไก่ดำ
ไก่ดำเชียงราย
บ้านฟาร์ม

วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปเชียงใหม่

สำหรับวันพร่งนี้เราจะเดินทางไปเชียงใหม่นะครับไปรับไก่มาเพาะเลี้ยงยังไงจะมาอัพเดทความเคลื่อนไหวให้ทุกท่านได้ชมกันครับ

วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ประมวลภาพเริ่มดำเนินการสร้างเล้าเพื่อเตรียมเลี้ยงไก่ดำ

เริ่มจากการทำความสะอาดที่ต้องการทำเป็นเล้าไก่ก่อนเลยครับเก็บกวาดเศษไม้ต่างๆ หลังจากที่เก็บกวาดเสร็จก่อนจะเริ่มทำเล้าไก่ครับ


วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เพื่อนบ้าน



ยินดีต้อนรับเพื่อนบ้าน


เพิ่มเว็บ สารบัญเว็บไทย โปรโมทเว็บไซต์

ThaiAll
chat rooms

สนใจแลกลิ้งแลกแบนเนอร์ติดต่อ Admin

ติดต่อเรา


ดู บ้านฟาร์มน้องท็อป ในแผนที่ขนาดใหญ่กว่า

[น้องท็อป] 0835761863
[ลุงจร] 0856242446
Email:farmkaidum_nongtop@hotmail.com

ที่ตั้ง :10 หมู่ 3 บ้านใหม่พัฒนา ตำบลป่าแงะ อำเภอป่าแดด จังหวัดเชียงราย

ประโยชน์จากการบริโภคไก่ดำ

ประโยชน์จากการบริโภคไก่ดำอันนี้ผมค้นคว้ามาให้ทุกท่านได้ศึกษากันครับ

ไก่ดำจะมีสารไมอานินเป็นสารสีดำที่มีประโยชน์เนื้อของไก่ดำมีโปรตีนสำคัญที่ ร่างกายต้องการคือ แอนโดร และอมิโนแอซิดอีกทั้งยังมีปริมาณไขมันต่ำ จึงให้คุณค่าทางอาหารแก่ร่างาย

กระดูกนำไปบดละเอียดผสมน้ำผึ้ง กินแก้โรคไตและว่าถ้าจะรับประทานไก่ดำให้ได้ผลก็ต้องเลี่ยงอาหารที่แสลง เช่น หัวผักกาด หรือน้ำชา เป็นต้น

บำรุงสุขภาพคนป่วย ผู้สูงอายุ หญิงมีครรภ์ และหลังคลอด และเมื่อนำไปตุ๋นร่วมกับเครื่องยาจีน จะทำให้คุณสมบัติเยี่ยมยอด ในการเพิ่มสมรรถนะการทำงานของร่างกายในหลายๆ ส่วน

เพิ่มสมรรถภาพทางเพศและยังบำรุงสมองอีกด้วย

เมนูอาหารที่ทำจากไก่ดำ

1.ไก่ดำตุ๋นยาจีน
2.ข้าวมันไก่ดำ
3.แกงคั่วไก่ดำ
4.ต้มส้มไก่ดำ
5.ไก่ดำต้มน้ำปลา
6.ไก่ดำอบฟาง
7.ห่อนึ่งไก่ดำ
8.ไก่ดำย่าง
9.ไก่ดำชุบแป้งทอด
10.ไก่ดำผัดกะเพรา

เพียงหนึ่งรอยยิ้มของพ่อก็มีความหมาย

แรงบันดานใจจากคำสอนพ่อ

" ๙ คำสอนพ่อ "
1.ความเพียร การ สร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่ว่าสร้างในวันเดียว ต้องใช้เวลา ต้องใช้ความเพียร ต้องใช้ความอดทน เสียสละ แต่ที่สำคัญที่สุดคือความอดทนคือไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงามนั้นทำมันน่าเบื่อ บางทีเหมือนว่าไม่ได้ผล ไม่ดัง คือดูมันครึทำดีนี้ แต่ต้องอดทน เวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอนในความอดทนของตน (พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักเรียน นักศึกษา ครู และอาจารย์ในโอกาสเข้าเฝ้าฯ วันที่ 27 ตุลาคม 2516)

2.ความพอดี ใน การสร้างตัวสร้างฐานะนั้นจะต้องถือหลักค่อยเป็นค่อยไป ด้วยความรอบคอบ ระมัดระวังและความพอเหมาะพอดี ไม่ทำเกินฐานะและกำลัง หรือทำด้วยความเร่งรีบ เมื่อมีพื้นฐ่นแน่นหนารองรับพร้อมแล้วจึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญก้าว หน้าในระดับสูงขึ้น ตามต่อกันไปเป็นลำดับผลที่เกิดขึ้นจึงจะแน่นอน มีหลักเกณฑ์ เป็นประโยชน์แท้และยั่งยืน (พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 18 ธันวาคม 2540)

3. ความรู้ตน เด็กๆ ทำอะไรต้องหัดให้รู้ตัว การรู้ตัวอยู่เสมอจะทำให้เป็นคนมีระเบียบและคนที่มีระเบียบดีแล้ว จะสามารถเล่าเรียนและทำการงานต่างๆ ได้โดยถูกต้องรวดเร็ว จะเป็นคนที่จะสร้างความสำเร็จและความเจริญ ให้แก่ตนเองและส่วนรวมในอนาคตได้อย่างแน่นอน (พระบรมราโชวาท พระราชทานลงพิมพ์ในหนังสือ วันเด็ก ประจำปี 2521)

4. คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ คน เราจะเอาแต่ได้ไม่ได้ คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ หมายความว่าต่อไปและนี้ด้วยเมื่อรับสิ่งของใดมา ก็จะต้องพยายามให้ ในการให้นั้นให้ได้โดยพยายามที่จะสร้างความสามัคคีให้หมู่คณะและในชาติ ทำให้หมู่คณะและชาติประชาชนทั้งหลายมีความไว้ใจซึ่งกันและกันได้ ช่วยที่ไหนได้ก็ช่วยด้วยจิตใจที่เผื่อแผ่โดยแท้ (พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 20 เมษายน 2521)

5. อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ ในวงสังคม นั้นเล่า ท่านจะต้องรักษามารยาทอันดีงามสำหรับสุภาพชน รู้จักสัมมาคารวะ ไม่แข็งกระด้างมีความอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ พร้อมจะเสียสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อส่วนรวม (พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 25 มิถุนายน 2496)

6. พูดจริง ทำจริง ผู้ หนักแน่นในสัจจะพูดอย่างไร ทำอย่างนั้น จึงได้รับความสำเร็จ พร้อมทั้งความศรัทธาเชื่อถือและความยกย่องสรรเสริญ จามคนทุกฝ่าย การพูดแล้วทำ คือ พูดจริง ทำจริง จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด และสร้างเสริมความดี ความเจริญ ให้เกิดขึ้นทั้งแก่บุคคลและส่วนรวม (พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 10 กรกฏาคม 2540)

7. หนังสือเป็นออมสิน หนังสือ เป็นการสะสมความรู้และทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ได้สร้างมา ทำมาคิดมา แต่โบราณกาลจนทุกวันนี้หนังสือจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นคล้ายๆธนาคารความรู้และเป็นออมสิน เป็นสิ่งที่จะทำให้มนุษย์ก้าวหน้าได้โดยแท้ (พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะสมาชิกห้องสมุดทั่วประเทศ ในโอกาสที่เข้าเฝ้าทูลละอองธลีพระบาท วันที่ 25 พฤศจิกายน 2514)
8. ความซื่อสัตย์ ความ ซื่อสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐานของความดีทุกอย่าง เด็กๆจึงต้องฝึกฝนอบรมให้เกิดมีขึ้นในตนเอง เพื่อจักได้เติบโตขึ้นเป็นคนดีมีประโยชน์ และมีชีววิตที่สะอาด ที่เจริญมั่นคง (พระบรมราโชวาท พระราชทานเพื่อเชิญลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ปีพุทธศักราช 2531)

9. การเอาชนะใจตน ใน การดำเนินชีวิตของเรา เราต้องข่มใจไม่กระทำสิ่งใดๆ ที่เรารู้สึกด้วยใจจริงว่าชั่วว่าเสื่อม เราต้องฝืนต้องต้านความคิดและความประพฤติทุกอย่างที่รู้สึกว่าขัดธรรมะ เราต้องกล้าและบากบั้นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่าเป็นความดี เป็นความถูกต้อง และเป็นธรรม ถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ ให้ได้จริงๆ ให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้นๆ ก็จะช่วยค้ำจุนส่วนรวมไว้มิให้เสื่อมลงไป และจะช่วยให้ฟื้นคืนดีขึ้นได้เป็นลำดับ (พระ ราชดำรัส พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่าน ในพิธีเปิดการประชุมยุวพุทธิกสมาคมทั่วประเทศ ครั้งที่ 12 ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ 12 ธันวาคม 2513)

แผนดำเนินการที่วางไว้

1.เริ่มศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงไก่ดำ
2.สำรวจความต้องการไก่ดำในท้องตลาดรวม
3.ทำฟาร์มเล็กๆเพื่อเลี้ยงไก่ดำ
4.หาซื้อไก่ดำเพื่อนำมาเลี้ยงเพื่อขยายสืบต่อไป

หากในอนาคตไก่ดำเป็นที่นิยมและเป็นที่ต้องการบริโภคของคนทั่วไปผมคาดไว้ว่าอยากจะเปิดร้านอาหารที่เมนูแต่ละอย่างเกี่ยวกับไก่ดำโดยเฉพาะเพื่อให้คนที่ต้องการบริโภคได้มาบริโภคกัน

มารู้จักความเป็นมาไก่ดำกันเถอะ

เมื่อ 15 ปีก่อนได้มีการนำไก่ดำเข้ามาเลี้ยงที่จังหวัดสกลนคร โดยกรมปศุสัตว์เป็นผู้นำเข้าจากประเทศจีน ไก่ดำได้สร้างความสนใจให้แก่เกษตรกรได้ระยะหนึ่งแล้วก็หายไป ต่อมา คุณชูชีพ หาญสวัสดิ์ ครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มาเยี่ยมศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน จึงมีแนวคิดหาสิ่งใหม่ ๆ ให้เกษตรกรเลี้ยง เกษตรกรสามารถเลี้ยงง่าย ต้นทุนต่ำ พอเพียงในครอบครัว ดังนั้นจึงเล็งเห็นการเพาะเลี้ยงไก่ดำ เพราะไก่ดำขายได้ราคาดีกว่าไก่พื้นเมืองธรรมดา งานศึกษาและพัฒนาด้านปศุสัตว์จึงได้เริ่มต้นการพัฒนาไก่ดำตั้งแต่ ปี 2545 เป็นต้นมา โดยการนำไก่ดำ 5 ตัว เป็นไก่ลูกผสมมาผสมพันธุ์ แบบ in breed การศึกษาและพัฒนาใช้ระยะเวลาทั้งหมด 3 ชั่วรุ่น จึงได้ไก่ดำที่ตรงตามลักษณะที่ต้องการ คือ ขนดำ หนังดำ แข้งดำ เนื้อเทาดำ และกระดูกเทาดำ น้ำหนักเมื่อโตเต็มที่เพศผู้มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 3.00 กิโลกรัม เพศเมีย 1.50 กิโลกรัม ให้ไข่ 3-4 ชุด/ปี ชุดละ 10 -15 ฟอง/ตัว สามารถฟักไข่และเลี้ยงลูก ด้วยตัวเองได้ มีความทนทานต่อโรคและสภาพแวดล้อมได้ดี